ทำไมงานแต่ง งานคอนเสิร์ต งานละคร ถึงใช้ไฟไม่เหมือนกัน?

“แสง” หรือ “ไฟ” ที่ใช้ในแต่ละงานมีบทบาทและหน้าที่ต่างกันตามบริบทของงานนั้น ๆ โดยสามารถแบ่งออกได้ชัดเจนตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน ดังนี้:

งานแต่งงาน (Wedding)

เป้าหมายของการใช้ไฟ:
เพื่อสร้าง “บรรยากาศ” ที่อบอุ่น โรแมนติก และสวยงามสำหรับการถ่ายภาพและวิดีโอ

ลักษณะของแสงที่ใช้:

  • Soft Light / Ambient Light: แสงนุ่ม ๆ มักใช้ไฟสี warm white หรือ pastel light เพื่อให้ผิวของคนดูดี
  • ไฟตกแต่ง (Fairy lights, String lights, Uplight): เพื่อเพิ่มความรู้สึกฝันๆ โรแมนติก
  • ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจังหวะแสงถี่: ไม่กระพริบหรือเคลื่อนไหวแรง เพราะต้องการความนิ่ง

เหตุผล:
ผู้คนต้องการบันทึกภาพสวย ๆ เน้นการมองเห็นใบหน้าชัดเจน ถ่ายภาพให้ “คนหล่อคนสวยขึ้น” ไม่ให้เกิดแสงเงารุนแรง

งานคอนเสิร์ต (Concerts)

เป้าหมายของการใช้ไฟ:
เพื่อเสริม “พลังงาน” และ “อารมณ์” ของเพลง และเน้นโชว์ให้ดูน่าตื่นเต้น

ลักษณะของแสงที่ใช้:

  • ไฟเคลื่อนไหวตามจังหวะดนตรี (Moving head / Strobe / Beam): เพิ่มความเร้าใจ
  • ใช้สีแสงเข้ม / ตัดกันแรง: เช่น สีแดง–น้ำเงิน เพื่อสร้าง Mood แรง ๆ
  • มักมีไฟย้อน / Silhouette: ให้ศิลปินดูเท่ ดูลึกลับ

เหตุผล:
แสงช่วยบอกโทนอารมณ์ของเพลง และทำให้คนดู “รู้สึกอิน” มากขึ้น เช่น ไฟแฟลชแรง ๆ สำหรับช่วง Drop, หรือแสงแดงสำหรับเพลงดาร์ค ๆ

งานละครเวที (Theatre / Drama)

เป้าหมายของการใช้ไฟ:
เพื่อ “เล่าเรื่อง” และ “นำสายตาผู้ชม” ไปที่จุดที่สำคัญของฉาก

ลักษณะของแสงที่ใช้:

  • ไฟเฉพาะจุด (Spotlight / Follow spot): เพื่อเน้นตัวละครหลัก
  • เปลี่ยนแสงตามฉาก: เช่น ฉากเช้าใช้แสงฟ้า–เหลือง, ฉากค่ำใช้แสงน้ำเงิน–ม่วง
  • ใช้เงาเพื่อสร้างบรรยากาศ: เช่น การจัดเงาเพื่อเพิ่มความลึกลับ/ดราม่า

เหตุผล:
แสงคือ “ภาษาภาพ” ที่ช่วยบอกผู้ชมว่าอะไรเกิดขึ้นโดยไม่ต้องพูด เช่น แสงมืดบอกว่า “เป็นฉากเศร้า” หรือแสงร้อนแรงเพื่อบอกว่า “มีความขัดแย้ง”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *