ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน จอแสดงผลเชิงพาณิชย์มีให้เลือกหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น LED Display หรือ LCD Display แล้วคุณควรเลือกแบบไหนถึงจะคุ้มค่า?
แม้ทั้งสองแบบจะให้ผลลัพธ์ด้านการแสดงผลที่ดีในหลายสถานการณ์ แต่หากพิจารณาในเชิงประสิทธิภาพ LED Display ถือว่ามีข้อได้เปรียบมากกว่าในหลายด้าน ดังนี้:
1️⃣ ความสว่างและอัตรารีเฟรช (Brightness & Refresh Rate)
- LED: ความสว่างสูงกว่า เหมาะกับสภาพแวดล้อมกลางแจ้ง แดดจ้า ก็ยังแสดงผลได้ชัดเจน เช่น รุ่น UNIT Outdoor Fixed LED มีความสว่าง ≥6,000 cd/m² และรีเฟรชเรตระหว่าง 960–2000Hz
- LCD: ความสว่างและรีเฟรชเรตต่ำกว่า เหมาะกับการใช้งานในร่มเป็นหลัก
2️⃣ มุมมองภาพ (Viewing Angle)
- LED: มุมมองกว้างถึง 160° มองจากด้านข้างยังเห็นภาพชัด
- LCD: มุมมองแคบกว่ามาก ภาพจะเบลอเมื่อมองจากด้านข้างมาก ๆ
3️⃣ อัตราส่วนคอนทราสต์ (Contrast Ratio)
- LED: มีอัตราคอนทราสต์สูงถึง 5000:1 ให้สีดำที่ลึกและสีสดชัดเจน
- LCD: อยู่ที่ประมาณ 350:1 เท่านั้น ภาพจึงไม่ลึกเท่ากับ LED
4️⃣ ความต่อเนื่องของภาพเมื่อประกอบหลายจอ (Splicing Effect)
- LED: สามารถ ต่อจอแบบไร้รอยต่อ (Seamless Splicing) ได้เต็มพื้นที่ มองแล้วภาพลื่นไหลไม่สะดุด
- LCD: มี “รอยต่อ (Bezel)” ระหว่างจอที่ชัดเจน ทำให้ดูเหมือนภาพถูกตัดขาด
- นอกจากนี้ LED ยังสามารถออกแบบจอในรูปทรงสร้างสรรค์ เช่น แบบโค้ง ทรงกระบอก ได้อีกด้วย
5️⃣ การใช้งาน (Application Scope)
- LED: รองรับหลากหลาย เช่น จอโฆษณา, บิลบอร์ด 3D, สนามกีฬา, ห้องประชุม, ห้างสรรพสินค้า
- LCD: มักใช้ในจอโทรทัศน์, จอมอนิเตอร์ และพื้นที่ในร่มเท่านั้น
6️⃣ อายุการใช้งาน (Lifespan)
- LED: มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า LCD อย่างเห็นได้ชัด
7️⃣ ประหยัดพลังงาน (Energy Saving)
- LED: ใช้พลังงานน้อยกว่า LCD ถึง 10 เท่า ในสเปคที่เท่ากัน
- เป็นตัวเลือกที่ ประหยัดค่าไฟในระยะยาวและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สรุป: ทำไมควรเลือก LED Display?
หากคุณต้องการจอแสดงผลที่:
- ชัดเจนแม้ในกลางแจ้ง
- มีอายุการใช้งานยาว
- ติดตั้งได้แบบไร้รอยต่อ
- รองรับงานสร้างสรรค์
- ใช้งานหลากหลายรูปแบบ
LED Display คือตัวเลือกที่เหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุด